การใช้ยาคุมสำหรับควบคุมกำเนิด (Contraceptive Implants) เป็นหนึ่งในวิธีการป้องกันการตั้งครรภ์ที่ได้รับความนิยมเนื่องจากความสะดวกในการใช้งานและประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ที่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทที่ต้องการควบคุมกำเนิดในระยะยาว
1. การฝังยาคุมสำหรับควบคุมกำเนิด
ฝังยาคุมสำหรับควบคุมกำเนิดเป็นเทคนิคการใช้ยาคุมที่อยู่ในรูปของเม็ดหรือแผ่นที่ถูกฝังใต้ผิวหนังของแขนหรือช่องปากแก้ม โดยมีสารประจำเป็นฮอร์โมนที่มีอิทธิพลต่อระบบต่อมไร้ท่อ ซึ่งสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้นานถึง 3 ปี โดยไม่ต้องคิดถึงการใช้ยาคุมทุกวันหรือทุกเดือน ซึ่งทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้หญิงที่ต้องการควบคุมกำเนิดในระยะยาวๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงอายุสามัญชนเต็มวัยที่กำลังเติบโตและต้องการความเป็นส่วนตัวในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเพศ.
2. ประเภทของฝังยาคุม
Implanon/Nexplanon: ฝังยาคุมแผ่นพลาสติกที่มีฮอร์โมนเอสเทรเจนไซโปรเทอร์โอน
Jadelle: ฝังยาคุมที่มีแท่งสองข้างของแขนหรือขา มีเอสเทรเจนไซโปรเทอร์โอน
Implanon NXT: ฝังยาคุมที่มีเอสเทรเจนไซโปรเทอร์โอน
3. การใช้งาน
เมื่อฝังยาคุมเข้าไปในร่างกาย สารเคมีที่ปลดปล่อยจะทำให้ระบบต่อมไร้ท่อหยุดการทำงาน เพื่อให้เป็นประจำภายในระยะเวลา 1 ถึง 3 ปี เมื่อทำการหยุดการใช้ยาคุม ผู้หญิงก็จะสามารถเกิดครรภ์ได้ตามปกติเพียงแต่ว่าผู้หญิงไม่สามารถใช้ยาคุมฉีดหรือหมดใช้ก็ไม่สามารถมีผลกับร่างกายที่จะสามารถใ เ even in had
4. ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อร่างกาย
การใช้ฝังยาคุมสำหรับควบคุมกำเนิดสามารถมีผลกระทบต่อร่างกายและสังคมได้ทั้งดีและเสียตามกรณีและบุคคล ดังนี้
ผลกระทบทางร่างกาย:
เปลี่ยนแปลงในระบบประจำเดือน: บางผู้หญิงอาจมีการเปลี่ยนแปลงในระบบประจำเดือน เช่น การมีประจำเดือนไม่ปกติ หรือไม่มีประจำเดือนเลย ซึ่งเป็นผลที่สามารถคาดการณ์ได้ตามลักษณะของฮอร์โมนที่ใช้ในยาคุม
ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์: อาจเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ รู้สึกง่วง การเปลี่ยนแปลงในน้ำหนัก หรือเปลี่ยนแปลงในอารมณ์
การเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรค: ฮอร์โมนในยาคุมอาจมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในระบบฮอร์โมนของร่างกาย ซึ่งอาจทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคบางประการ เช่น โรคหลอดเลือด โรคเบาหวาน หรือโรคกระดูกและกระดูก
|