วัดอุณหภูมิร่างกาย: วิธีที่ถูกต้องและความสำคัญในการเฝ้าระวังสุขภาพ
ความสำคัญของการวัดอุณหภูมิ
การวัดอุณหภูมิร่างกายเป็นหนึ่งในวิธีสำคัญในการตรวจสอบสุขภาพเบื้องต้น โดยเฉพาะเมื่อมีอาการไข้ หรือเพื่อติดตามภาวะอุณหภูมิของร่างกายในการดูแลผู้ป่วย การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอาจบ่งบอกถึงอาการของโรคติดเชื้อ การอักเสบ หรือภาวะผิดปกติของร่างกาย
อุณหภูมิร่างกายปกติของมนุษย์มักอยู่ที่ 36.5 - 37.5 องศาเซลเซียส หากสูงเกิน 38 องศาเซลเซียสถือว่ามีไข้ และหากต่ำกว่า 35 องศาเซลเซียสอาจเป็นภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำผิดปกติ
วิธีวัดที่ถูกต้อง
การวัดอุณหภูมิสามารถทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับเครื่องมือที่ใช้และความแม่นยำที่ต้องการ
1. การวัดอุณหภูมิทางปาก
ใช้ปรอทวัดไข้แบบดิจิทัลหรือปรอทแบบเดิม วางไว้ใต้ลิ้นและปิดปากสนิท
ใช้เวลาประมาณ 1-3 นาที
หลีกเลี่ยงการวัดหลังจากรับประทานอาหารร้อนหรือเย็น เพราะอาจส่งผลต่อค่าที่ได้
เหมาะสำหรับผู้ใหญ่และเด็กโต
2. การวัดอุณหภูมิทางรักแร้
นำเครื่องวัดอุณหภูมิหนีบไว้ที่รักแร้โดยให้สัมผัสกับผิวหนังโดยตรง
ใช้เวลาประมาณ 3-5 นาที
ค่าที่ได้อาจต่ำกว่าค่าจริง 0.5 - 1 องศาเซลเซียส
3. การวัดอุณหภูมิทางหู
ใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้แบบอินฟราเรดสำหรับหู ใส่หัววัดเข้าไปในช่องหูและอ่านค่าได้ทันที
ควรตรวจสอบว่าไม่มีขี้หูอุดตัน เพราะอาจทำให้ค่าผิดเพี้ยน
แม่นยำและเหมาะสำหรับเด็กเล็กและผู้ใหญ่
4. การวัดอุณหภูมิทางหน้าผาก
ใช้เครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรดโดยเล็งที่หน้าผากและอ่านค่า
ใช้เวลารวดเร็วเพียง 1-2 วินาที
เหมาะสำหรับการวัดในที่สาธารณะหรือกรณีที่ต้องการวัดอุณหภูมิหลายคนอย่างรวดเร็ว
5. การวัดอุณหภูมิทางทวารหนัก (Rectal Temperature)
วิธีนี้ให้ค่าที่แม่นยำที่สุด แต่ไม่ค่อยนิยมใช้ ยกเว้นในทารกแรกเกิดหรือผู้ป่วยที่ต้องการการติดตามอย่างใกล้ชิด
ต้องใช้เครื่องวัดที่ออกแบบมาเฉพาะ และต้องทำความสะอาดอุปกรณ์อย่างเคร่งครัด
สรุป
การวัดอุณหภูมิร่างกายเป็นเครื่องมือสำคัญในการเฝ้าระวังสุขภาพ การเลือกใช้วิธีวัดที่เหมาะสมและเครื่องมือที่มีความแม่นยำจะช่วยให้สามารถตรวจจับอาการผิดปกติได้รวดเร็วขึ้น และช่วยให้สามารถดูแลรักษาตัวเองหรือผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

|