
การมองหาผู้ให้บริการรับทำเว็บไซต์ราคาถูก กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการยุคใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในยุคที่การขายสินค้าออนไลน์กลายเป็นแนวโน้มที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หลายคนเริ่มสงสัยว่าการสร้างเว็บไซต์ e-commerce ต้องใช้เงินลงทุนเท่าไรบ้าง คำตอบไม่ได้มีเพียงตัวเลขเดียว เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่เราจะพาคุณไปศึกษาในบทความนี้
ทำไมธุรกิจยุคนี้ถึงควรมีเว็บไซต์ e-commerce
พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป
คนไทยใช้เวลาออนไลน์เฉลี่ย 8.5 ชั่วโมงต่อวัน และมากกว่า 85% ของผู้บริโภคค้นหาข้อมูลสินค้าทางอินเทอร์เน็ตก่อนตัดสินใจซื้อ การมีเว็บไซต์ขายสินค้าจึงไม่ใช่แค่ตัวเลือก แต่เป็นความจำเป็นที่ธุรกิจต้องปรับตัว ผู้บริโภครุ่นใหม่คาดหวังความสะดวกสบายในการซื้อสินค้า พวกเขาต้องการดูรายละเอียดสินค้า เปรียบเทียบราคา และสั่งซื้อได้ทุกเวลา หากธุรกิจไม่มีช่องทางออนไลน์ อาจพลาดโอกาสขายได้มาก
เพิ่มโอกาส เข้าถึงลูกค้าใหม่ 24 ชั่วโมง
ร้านค้าออนไลน์ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด ลูกค้าทั่วประเทศหรือแม้กระทั่งต่างประเทศก็สามารถซื้อสินค้าได้ทุกเวลา การขยายฐานลูกค้าจากพื้นที่จำกัดเป็นทั่วโลกช่วยเพิ่มรายได้อย่างมีนัยสำคัญ
สร้างความน่าเชื่อถือของแบรนด์
เว็บไซต์ที่ออกแบบมาอย่างดีสร้างความประทับใจและเพิ่มความเชื่อมั่นของลูกค้า การมีหน้าเว็บไซต์เป็นของตัวเองแสดงถึงความมืออาชีพและความมั่นคงของธุรกิจ ลูกค้าสมัยใหม่จะตรวจสอบเว็บไซต์ของแบรนด์ก่อนตัดสินใจซื้อ หากไม่มีเว็บไซต์หรือมีเว็บไซต์ที่ดูไม่น่าเชื่อถือ อาจทำให้เสียโอกาสได้ลูกค้าไป
ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาการรับทำเว็บไซต์ e-commerce
ประเภทของเว็บไซต์ (Custom vs Template)
การเลือกระหว่างเว็บไซต์ที่ออกแบบเฉพาะ (Custom) กับการใช้แม่แบบสำเร็จรูป (Template) ส่งผลต่อราคาอย่างมาก
เว็บไซต์แบบ Template ใช้ระบบที่พัฒนาขึ้นแล้ว เช่น WooCommerce หรือ Shopify ราคาเริ่มต้นประมาณ 15,000-40,000 บาท เหมาะสำหรับธุรกิจเริ่มต้นที่ต้องการประหยัดงบและเปิดร้านเร็ว
เว็บไซต์แบบ Custom พัฒนาตั้งแต่เริ่มต้นตามความต้องการ มีราคา 80,000-300,000 บาทขึ้นไป แต่จะได้ฟีเจอร์ที่เฉพาะเจาะจงและสามารถขยายระบบได้อย่างไม่มีข้อจำกัด
จำนวนหน้าและฟังก์ชันที่ต้องการ
เว็บไซต์ e-commerce พื้นฐานควรมีหน้าหลัก หน้าสินค้า หน้ารายละเอียดสินค้า ตะกร้าสินค้า และหน้าชำระเงิน รวมประมาณ 8-12 หน้า
ฟังก์ชันเพิ่มเติมที่อาจต้องการ ได้แก่ ระบบสมาชิก ระบบคูปองส่วนลด การจัดการสต็อกสินค้า ระบบรีวิวสินค้า และการเชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดีย แต่ละฟีเจอร์จะเพิ่มค่าใช้จ่ายประมาณ 5,000-15,000 บาท
ระบบการชำระเงิน / เชื่อมต่อกับ Third-party
การเชื่อมต่อกับระบบชำระเงินเป็นหัวใจสำคัญของเว็บไซต์ e-commerce การรองรับการชำระเงินหลากหลายช่องทาง เช่น บัตรเครดิต การโอนเงิน QR Code และ E-Wallet จะเพิ่มอัตราการขายได้อย่างชัดเจน
ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบชำระเงินประมาณ 10,000-25,000 บาท บวกกับค่าธรรมเนียมการใช้งาน 2.5-3.5% ต่อการขาย การเลือกผู้ให้บริการที่มีชื่อเสียงช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของลูกค้า
การออกแบบ UX/UI และ Responsive Design
การออกแบบที่ดีส่งผลโดยตรงต่อยอดขาย เว็บไซต์ที่ใช้งานง่ายและสวยงามจะมีอัตราการซื้อสูงกว่า
Responsive Design ที่ทำให้เว็บไซต์แสดงผลได้ดีทั้งคอมพิวเตอร์และมือถือเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากคนไทยใช้มือถือเข้าเว็บไซต์มากกว่า 75% การออกแบบที่คำนึงถึงผู้ใช้มือถือจะเพิ่มยอดขายได้อย่างมีนัยสำคัญ
ความต้องการด้าน SEO และความเร็วเว็บไซต์
การปรับเว็บไซต์ให้เป็นมิตรกับ Search Engine ช่วยให้ลูกค้าค้นหาร้านค้าได้ง่ายขึ้น การทำ SEO พื้นฐาน เช่น การใส่ Title Tag Meta Description และการปรับความเร็วเว็บไซต์ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มประมาณ 8,000-20,000 บาท
เว็บไซต์ที่โหลดช้าจะทำให้ลูกค้าปิดหน้าเว็บไป การเพิ่มความเร็วด้วยการใช้ CDN หรือการปรับแต่งเซิร์ฟเวอร์จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
ราคาโดยประมาณในการรับทำเว็บไซต์ e-commerce
งบเริ่มต้นสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
สำหรับธุรกิจเริ่มต้นหรือร้านค้าขนาดเล็กที่มีสินค้าไม่เกิน 100 รายการ งบประมาณ 25,000-60,000 บาท จะได้เว็บไซต์ e-commerce พื้นฐานที่ใช้งานได้จริง
งบนี้จะได้เว็บไซต์แบบ Template ที่ปรับแต่งตามแบรนด์ ระบบจัดการสินค้า ตะกร้าสินค้า การชำระเงิน 2-3 ช่องทาง และการออกแบบที่ Responsive ใช้เวลาทำประมาณ 4-6 สัปดาห์
งบกลางสำหรับธุรกิจที่ต้องการฟีเจอร์เฉพาะ
ธุรกิจที่มีสินค้า 100-500 รายการและต้องการฟีเจอร์เฉพาะ เช่น ระบบสมาชิก การจัดการสต็อกแบบละเอียด หรือการเชื่อมต่อกับระบบภายใน ควรเตรียมงบ 80,000-180,000 บาท
งบระดับนี้จะได้เว็บไซต์ที่ออกแบบเฉพาะบางส่วน มีการปรับแต่งฟังก์ชันตามความต้องการ รองรับการชำระเงินหลากหลายช่องทาง และมีระบบจัดการที่ครบครัน
งบสูงสำหรับแพลตฟอร์มขนาดใหญ่และซับซ้อน
ธุรกิจขนาดใหญ่หรือต้องการสร้าง Marketplace ที่มีผู้ขายหลายราย ระบบที่ซับซ้อน และฟีเจอร์พิเศษมากมาย จำเป็นต้องใช้งบตั้งแต่ 250,000-1,000,000 บาทขึ้นไป
เว็บไซต์ในระดับนี้จะพัฒนาแบบ Custom ทั้งหมด มีระบบรายงานที่ละเอียด การจัดการที่ซับซ้อน และความสามารถในการรองรับผู้ใช้จำนวนมาก
ตัวอย่างค่าใช้จ่ายที่ควรรู้ (นอกเหนือจากค่าทำเว็บไซต์)
ค่าจดโดเมนและโฮสติ้ง
โดเมน .com มีราคาประมาณ 500–800 บาท/ปี โดเมน .co.th ประมาณ 900–1,500 บาท/ปี
โฮสติ้งที่มีประสิทธิภาพสูงจะเริ่มต้นตั้งแต่ 3,000–30,000 บาท/ปี ขึ้นอยู่กับรูปแบบเซิร์ฟเวอร์ที่เลือกใช้
ค่าบำรุงรักษาเว็บไซต์
ค่าดูแลระบบ อัปเดต ปรับปรุงเว็บไซต์และความปลอดภัยเฉลี่ย 5,000–15,000 บาท/เดือน
ค่าการตลาดดิจิทัล (SEO, Ads, Email Marketing)
-
SEO: เริ่ม 15,000–35,000 บาท/เดือน
-
โฆษณา Google & Facebook Ads: 10,000–50,000 บาท/เดือน
-
Email Marketing: 2,000–5,000 บาท/เดือน
เลือกบริษัทรับทำเว็บไซต์ e-commerce อย่างไรให้คุ้มค่า
ตรวจสอบผลงานที่ผ่านมา
ลองเยี่ยมชมเว็บไซต์ตัวอย่าง ทดสอบความเร็วและฟีเจอร์จริงที่ใช้งานได้
เปรียบเทียบราคาและบริการหลังการขาย
อย่าตัดสินใจจากราคาเพียงอย่างเดียว แม้จะเป็นรับทำเว็บไซต์ราคาถูกแต่ก็ควรมีการบริการหลังการขายและการรับประกันงานที่ชัดเจน
อ่านรีวิวและข้อตกลงสัญญาให้ชัดเจน
ควรอ่านรายละเอียดเงื่อนไขสัญญา เช่น กำหนดส่งมอบงาน การแก้ไข และสิทธิการเป็นเจ้าของเว็บไซต์อย่างละเอียด
วางแผนงบประมาณให้ชัด ก่อนเริ่มทำเว็บไซต์ e-commerce
การทำเว็บไซต์ e-commerce เป็นการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่า หากมีการวางแผนงบประมาณและเป้าหมายอย่างรอบคอบ ธุรกิจขนาดเล็กสามารถเริ่มจากเว็บไซต์พื้นฐานกับผู้ให้บริการรับทำเว็บไซต์ราคาถูก แล้วขยายฟีเจอร์เพิ่มเติมเมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น
เว็บไซต์ที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยขายสินค้า แต่ยังสร้างความน่าเชื่อถือ และเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
|